เรื่องควรคิดก่อนทำประกันภัยอุบัติเหตุ

ก่อนจะตัดสินใจทำประกันภัย ไม่ว่าจะประเภทใดก็ตาม สิ่งที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ คือ การเลือกความคุ้มครองที่เหมาะสมกับตัวเรา และในปัจจุบันมีหลากหลายช่องทางให้ค้นหา เช่น บน Google เราอาจจะใช้คำค้นว่า “ประกัน ที่ไหนดี” หรือการค้นหารีวิวประกันภัย บน Pantip ที่มีคนมาถามเรื่องประกันเยอะพอสมควร

แต่สำหรับประกันอุบัติเหตุ ถึงแม้จะเป็นประกันที่สามารถซื้อ และคุ้มครองได้ทันที เพราะไม่มีตรวจสุขภาพ แต่ก็ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ชวนคิดก่อนว่า แผนที่เราเลือกนั้น เหมาะสมกับเราแล้วหรือไหม จาก 7 ข้อนี้เลย

อายุ

ในความจริงแล้วไม่ว่าอายุเท่าใดก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ เพราะฉะนั้นจะเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน หรือผู้สูงอายุ ประกันอุบัติเหตุจาก ก็มีแผนที่ให้ความคุ้มครองตั้งแต่อายุ 1-70 ปีเลย

อาชีพของผู้ซื้อประกันภัย

อาชีพที่มีความเสี่ยงสูง อย่างเช่น วิศวกร ช่างไฟฟ้า สถาปนิก คนงานก่อสร้าง หรือคนที่ต้องใช้อุปกรณ์-เครื่องมือในการทำงาน มักจะเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าคนอื่น เพราะฉะนั้นประกันภัยอุบัติเหตุมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยดูแล และคอยช่วยเหลือยามเกิดอุบัติเหตุ เพราะสามารถยื่นบัตร PA Card และรักษาในโรงพยาบาลเครือข่ายได้ทันที โดยไม่ต้องสำรองจ่าย

แต่เดี๋ยวก่อน…ใครว่าพนักงานออฟฟิศ หรืออายุน้อยๆ อย่างนักเรียน นักศึกษาไม่มีความเสี่ยงอุบัติเหตุ อยากให้ลองนึกดูสิว่า แค่เราลื่นตกจากบันได อย่างน้อยอาจจะแค่เจ็บขา แต่ถ้าหนักถึงขั้นขาหัก กว่าจะรักษาให้หายขาดก็มีค่าใช้จ่ายสูง ประกันอุบัติเหตุก็จะช่วยแบ่งเบาตรงนี้ได้

ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สำหรับการรับประกันภัยในส่วนของประกันภัยอุบัติเหตุจะแบ่งเป็น 4 ชั้น ไล่ลำดับจากความเสี่ยงต่ำ ไปจนถึงความเสี่ยงสูง ได้แก่

อาชีพชั้น 1 ส่วนใหญ่ทำงานประจำในสำนักงาน
อาชีพชั้น 2 ปฏิบัติงานที่ใช้วิชาชีพที่ต้องทำงานกลางแจ้งตลอดเวลา
อาชีพชั้น 3 ปฏิบัติงานด้านช่าง กระบวนการผลิต ที่มีการใช้เครื่องจักรกลหนัก ผู้ใช้แรงงาน การเดินทาง หรือทำงานนอกสำนักงานเป็นประจำ
อาชีพชั้น 4 อาชีพพิเศษที่มีความเสี่ยงสูงมากกว่าชั้นอื่น ๆ เป็นพิเศษ เช่น นักแสดงผาดโผน
วันที่เริ่มคุ้มครอง

เหตุผลที่วันเริ่มต้นคุ้มครอง เป็น 1 ในสิ่งที่ผู้ซื้อประกันภัยต้องคำนึงถึงนั้น ก็เพราะว่าทุกอย่างที่อยู่บริเวณรอบตัวเราไม่ว่าจะวัน หรือเวลาใดก็ตาม ก็สามารถทำให้เราประสบอุบัติเหตุได้ โดยเฉพาะบุคคลที่ประกอบอาชีพ หรือต้องเจอเหตุการณ์ที่มีความเสี่ยงทุกวัน เพราะฉะนั้นการซื้อประกันอุบัติเหตุที่คุ้มครองเราได้ทันทีหลังจากการซื้อสำเร็จ ก็จะส่งผลดีต่อตัวเรามากกว่านั่นเอง
ราคาเบี้ยประกันภัย

เบี้ยประกันอุบัติเหตุนั้นมีให้เลือกตั้งแต่หลักร้อยปลายๆ ไปจนถึงหลักพันปลายๆ ซึ่งเมื่อจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยแล้ว ก็จะได้รับคุ้มครองตลอด 1 ปี เพราะฉะนั้นการคำนวณค่าใช้จ่ายในการจ่ายเบี้ยประกันของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีเงินเข้าตรงเวลาทุกเดือน อาจจะคำนวณโดยการเก็บออมในแต่ละเดือน หรือเลือกจ่ายทีเดียว แต่สำหรับในบางอาชีพที่มีเงินหมุนเข้า-ออกทุกวันอย่างพ่อค้า/แม่ค้า อาจจะใช้จ่ายทีเดียวเพื่อบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายรายเดือนแทน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแต่ละคน แต่ให้แอกซ่าแนะนำ ผู้เอาประกันควรจะเลือกซื้อประกันภัยอุบัติเหตุที่ได้รับความคุ้มครองสูงสุด ถึงเบี้ยอาจจะราคาสูงกว่า แต่เชื่อมั่นได้เลยว่า ตัวเราเองก็จะได้รับความคุ้มครองที่สูงสุดเช่นกัน
ทุนประกันภัย

ลองประเมินความเสี่ยงของตัวเอง เช่น การเดินทาง การทำงาน หรือการประกอบอาชีพของตนเองว่า มีความเสี่ยงอยู่ในระดับไหน และเลือกทุนประกันที่เหมาะกับตัวเอง เช่น นาย A เป็นช่างเทคนิค ประเมินจากอาชีพของตนเองแล้วพบว่ามีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้นควรเลือกที่จะประกันภัยอุบัติเหตุที่ครอบคลุม และคุ้มครองสูงสุด ทั้งในแง่ค่ารักษาพยาบาล และผลประโยชน์การเสียชีวิต
โรงพยาบาลเครือข่าย

เป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่ควรศึกษาก่อนทำประกันอุบัติเหตุ คือ การตรวจเช็คว่ามีรายชื่อโรงพยาบาลที่เข้าร่วมในเครือข่ายประกันภัยอุบัติเหตุของบริษัทประกันภัยที่เราจะซื้อหรือไม่ ให้ลองนึกภาพว่า ถ้าวันหนึ่งเราเกิดอุบัติเหตุขึ้มมา สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การที่ผู้บาดเจ็บสามารถเดินทางไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียง และพบแพทย์ได้อย่างทันที และยังสบายใจได้เพราะไม่ต้องสำรองเงินจ่ายไปก่อน

การดูแล และการบริการหลังการซื้อประกัน

นอกจากแผนประกันภัย เบี้ยประกัน และโรงพยาบาล สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการตัดสินใจทำประกันกับบริษัทใด บริษัทหนึ่ง ก็คือ การบริการหลังการขายที่พร้อมดูแลลูกค้าอย่างจริงใจ การให้ข้อมูล หรือตอบคำถามต่างๆ ที่เรายังสงสัยได้ รวมไปถึงข้อมูลเชิงลึก เช่น เอกสารที่ในการเรียกร้องสินไหมในกรณีต่าง ๆ รวมไปถึงช่องทางติดต่อที่สะดวกที่สุด