ความสำคัญของหมอฟันเด็กและความแตกต่างกับหมอฟันทั่วไป

ครอบครัวส่วนใหญ่จะพาลูกไปหาทันตแพทย์ประจำครอบครัวหรือทันตแพทย์ทั่วไป ในขณะที่บางครอบครัวต้องการการดูแลเป็นพิเศษหรือเฉพาะทาง ทันตแพทย์เด็กคือผู้ที่มีคุณวุฒิพิเศษ ซึ่งสามารถให้การดูแล และให้ความรู้กับเด็กเล็กได้อย่างนุ่มนวลกว่า รวมถึงรักษาผู้ป่วยเด็กที่มีความต้องการพิเศษหรือทุพพลภาพได้ ความแตกต่างระหว่างทันตแพทย์เด็กกับทันตแพทย์ทั่วไป และผลประโยชน์ที่จะได้รับจากหมอฟันเด็กกัน

หมอฟันเด็กจะเรียนจบจากโปรแกรมที่เน้นไปที่การรักษาเด็ก ที่ต้องการการดูแลที่นุ่มนวลกว่า รวมถึงการรักษาเด็กและวัยรุ่นที่มีความต้องการพิเศษและทุพพลภาพ โปรแกรมนี้เกี่ยวข้องกับการฝึกอบรมเพิ่มเติมสองถึงสามปีหลังการเรียนในคณะทันตแพทย์ ซึ่งรวมถึงการทำงานในโรงพยาบาล และการทำงานร่วมกับเด็กที่ต้องการการรักษาทางทันตกรรมอย่างจริงจังมากขึ้น และกรณีฉุกเฉิน นอกจากนี้ หมอฟันเด็กยังได้เรียนรู้วิธีการจัดฟันให้เป็นระเบียบอีกด้วย ทันตแพทย์เด็กจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับกุมารแพทย์ และทันตแพทย์ทั่วไปโดยกุมารแพทย์และทันตแพทย์ทั่วไปจะส่งต่อผู้ป่วยที่ได้รับการเลือกไปยังหมอฟันเด็กอีกที ส่วนทันตแพทย์เด็กบางคนก็สอนในคณะทันตแพทย์ และทำงานในสถานฝึกอบรมของโรงพยาบาลเพื่อทำการวิจัย พร้อมกับพัฒนาวิธีการป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากในเด็กให้ดีขึ้น

หมอฟันเด็กอย่างกุมารแพทย์ สามารถรักษาเด็กได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงระดับวิทยาลัย สมมติว่าคนไข้เด็กต้องการการรักษาทางทันตกรรมในโรงพยาบาลเนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ ในกรณีดังกล่าวจะต้องใช้หมอฟันเด็กมีคุณวุฒิเฉพาะทาง ทันตแพทย์เด็กมักจะยังคงดูแลผู้ป่วยที่มีความต้องการพิเศษ ซึ่งมีอายุมากกว่า 18 ปี เนื่องจากทันตแพทย์ทราบประวัติทันตกรรมของผู้ป่วย การรักษาพิเศษและกระบวนการที่จำเป็น

ทันตแพทย์ทั่วไปทุกคนจะได้รับการฝึกอบรมจากกุมารแพทย์เฉพาะทางในคณะทันตกรรม โดยทันตแพทย์ทั่วไปบางคนก็รู้สึกสะดวกใจในการรักษาเด็กเล็ก และเข้าใจความต้องการทางทันตกรรมทั่วไปในเด็กมากกว่าคนอื่นๆ แต่สำหรับคนที่ไม่สะดวกใจในการรักษาเด็กเล็กหรือเด็กที่มีความต้องการพิเศษ ก็สามารถส่งต่อเด็กเหล่านั้นให้กับหมอฟันเด็กได้และแม้ว่าหมอฟันเด็กจะทำตามขั้นตอนทางทันตกรรมเช่นเดียวกับทันตแพทย์ทั่วไป แต่การฝึกอบรมเฉพาะทางที่ได้รับก็ช่วยให้พวกเขาสามารถรับมือกับสถานการณ์ด้านพฤติกรรมที่ยากลำบากได้มากมาย เด็กตอบสนองต่อการไปพบทันตแพทย์ต่างจากผู้ใหญ่ เนื่องจากเด็กอาจรู้สึกวิตกกังวล หรือหวาดกลัวในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งความกังวลนี้อาจมีมากขึ้น หากคนไข้เด็กจำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ครอบคลุมและหมอฟันเด็กก็มักจะมีการให้ยาชาหรือยาสลบ เมื่อเด็กหรือผู้ป่วยทุพพลภาพต้องการการรักษาทางทันตกรรมอย่างครอบคลุม