ในยุคปัจจุบัน ระบบท่อถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของทั้งบ้านพักอาศัยและอาคารอุตสาหกรรม การเลือกวัสดุท่อที่เหมาะสมมีผลต่อความทนทาน อายุการใช้งาน และค่าใช้จ่ายในระยะยาว โดยวัสดุยอดนิยมที่มักถูกนำมาเปรียบเทียบกันคือ ท่อ uPVC และท่อเหล็ก ซึ่งแต่ละชนิดต่างมีคุณสมบัติ จุดเด่น และข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจอย่างละเอียด เพื่อให้ตัดสินใจเลือกท่อที่เหมาะกับการใช้งานของคุณมากที่สุด
ทำความรู้จักกับ ท่อ uPVC คืออะไร?
ท่อ uPVC หรือชื่อเต็มคือ Unplasticized Polyvinyl Chloride Pipe เป็นท่อพลาสติกชนิดแข็งที่ไม่มีการเติมสารทำให้นิ่ม (Plasticizer) จึงมีความแข็งแรง ทนต่อแรงดัน และไม่เกิดสนิม นอกจากนี้ ท่อ uPVC ยังมีน้ำหนักเบา ทำให้ติดตั้งได้ง่าย และนิยมใช้ในงานระบบประปาภายในบ้าน งานเดินสายไฟใต้ดิน รวมถึงงานระบายน้ำฝนและน้ำเสีย
คุณสมบัติเด่นของ ท่อ upvc คือไม่เป็นสื่อนำไฟฟ้า ทนต่อสารเคมีได้ดี และมีผิวภายในเรียบ ช่วยลดแรงเสียดทานของของเหลวที่ไหลผ่าน จึงช่วยประหยัดพลังงานในการสูบน้ำได้อีกด้วย
ท่อเหล็กคืออะไร?
ท่อเหล็กเป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงสูง ผลิตจากเหล็กกล้า ผ่านกระบวนการรีดและเชื่อม ทำให้สามารถรับแรงดันได้ดี นิยมใช้ในระบบท่อที่ต้องรับแรงมาก เช่น ระบบดับเพลิง ระบบส่งน้ำแรงดันสูง หรืองานอุตสาหกรรมหนักที่ต้องการความทนทาน
แม้ท่อเหล็กจะมีอายุการใช้งานยาวนาน แต่ก็มีจุดอ่อนในเรื่องของการเกิดสนิมเมื่อสัมผัสกับความชื้น หรือสารเคมีบางชนิด หากไม่มีการเคลือบกันสนิมอย่างดีอาจทำให้เกิดการรั่วซึมในระยะยาว
เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง ท่อ uPVC และท่อเหล็ก
1. ความแข็งแรงและการรับแรงดัน
ท่อเหล็กมีความแข็งแรงเชิงกลสูง สามารถรับแรงดันได้ดีกว่า เหมาะกับระบบท่อที่ต้องรับแรงดันน้ำสูง ในขณะที่ ท่อ uPVC แม้จะมีความแข็งแรงน้อยกว่า แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไปในบ้านหรืออาคารพาณิชย์ ซึ่งไม่ต้องรับแรงดันมากนัก
2. การทนต่อการกัดกร่อนและสารเคมี
จุดเด่นของ ท่อ uPVC คือไม่เป็นสนิมและทนต่อสารเคมีได้ดีมาก ต่างจากท่อเหล็กที่เมื่อสัมผัสกับน้ำหรือความชื้นจะเริ่มเกิดสนิมและการกัดกร่อน จึงเหมาะกับงานที่เกี่ยวข้องกับของเหลวที่มีฤทธิ์กัดกร่อนหรืออยู่ในสภาพแวดล้อมชื้น
3. น้ำหนักและการติดตั้ง
ท่อ uPVC มีน้ำหนักเบากว่าท่อเหล็กมาก ทำให้การขนย้ายและติดตั้งง่ายกว่า ลดเวลาและค่าแรงได้มาก ขณะที่ท่อเหล็กมีน้ำหนักมาก ต้องใช้เครื่องมือช่วยยกและติดตั้ง จึงไม่เหมาะกับงานขนาดเล็กหรือในพื้นที่จำกัด
4. อายุการใช้งาน
ท่อเหล็กที่ได้รับการเคลือบป้องกันสนิมสามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า 20 ปี ส่วน ท่อ uPVC มีอายุการใช้งานประมาณ 10-15 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและคุณภาพของวัสดุ แต่ข้อดีของ ท่อ uPVC คือไม่ต้องบำรุงรักษาบ่อยเหมือนท่อเหล็ก
5. การดูแลและบำรุงรักษา
ท่อ uPVC ไม่ต้องทาสีหรือเคลือบกันสนิม จึงดูแลง่ายมาก ในขณะที่ท่อเหล็กจำเป็นต้องตรวจสอบและทาสีกันสนิมอย่างสม่ำเสมอเพื่อยืดอายุการใช้งาน
6. ราคาและความคุ้มค่า
ท่อ uPVC มีราคาถูกกว่าท่อเหล็กอย่างมาก จึงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับงานระบบทั่วไป โดยเฉพาะในบ้านพักหรืออาคารสำนักงาน แต่สำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงสูง เช่น งานอุตสาหกรรมหนัก การเลือกใช้ท่อเหล็กอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าในระยะยาว
ข้อดีของ ท่อ uPVC
- น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ไม่ต้องใช้เครื่องมือหนัก
- ไม่เป็นสนิมและไม่ผุกร่อน
- ทนต่อสารเคมีและกรดด่างได้ดี
- ราคาย่อมเยาและหาซื้อได้ทั่วไป
- มีอายุการใช้งานยาวนานและดูแลรักษาง่าย
ข้อเสียของ ท่อ uPVC
- ไม่ทนต่อความร้อนสูง อาจเสียรูปเมื่อโดนแสงแดดหรือความร้อนจัด
- รับแรงกระแทกได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับท่อเหล็ก
- ไม่เหมาะกับงานแรงดันสูงหรืองานอุตสาหกรรมหนัก
ข้อดีของท่อเหล็ก
- แข็งแรงมาก รับแรงดันได้สูง
- ทนต่ออุณหภูมิสูงได้ดี
- เหมาะสำหรับงานอุตสาหกรรม ระบบดับเพลิง หรือท่อส่งน้ำระยะไกล
ข้อเสียของท่อเหล็ก
- น้ำหนักมาก ติดตั้งยาก ต้องใช้แรงงานหรือเครื่องมือพิเศษ
- มีโอกาสเกิดสนิมเมื่อสัมผัสความชื้น
- ราคาสูงกว่าท่อชนิดอื่น
- ต้องบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ